ปัญหาในการผลิตปลาสวยงาม

ปัญหาในการผลิตปลาสวยงาม และกฎหมายที่คุ้มครองและควบคุมการค้าสัตว์น้ำ
ทรง ศักดิ์  วงศ์กาฬสินธุ์

1.  ปัญหาการผลิตปลาสวยงามของผู้ผลิตในประเทศไทย
ปัญหาและแนวทางแก้ไขของการผลิตปลาสวยงาม  (วันเพ็ญ มีนกาญจน์ 2546  อ้างถึงใน ยุพินท์ วิวัฒนชัยเศรษฐ์  2547 : http://www.nicaonline.com/articles/site/ view_article.asp?idarticle=117)  ได้กล่าวถึงไว้เป็นข้อสรุปไว้ดังนี้
1.1  ขาดความหลากหลายของสายพันธุ์ปลา   สิงคโปร์ผลิตได้ 400 – 500 ชนิด ไทยผลิตได้ประมาณ 100 – 200 ชนิด เพราะการนำพ่อแม่พันธุ์ปลาจากต่างประเทศ ค่อนข้างมีอุปสรรค ซึ่งเป็นการกีดกันทางการค้า ทั้งนี้รัฐบาลต้องให้ความช่วยเหลือ จัดหาพันธุ์ปลาที่หายาก โดยติดต่อประสานระดับภาครัฐ เพราะกรมประมงไม่มีหน่วยงานประจำในต่างประเทศ พันธุ์ปลาต่างประเทศที่เห็นในบ้านเรามีปลาหมอสี ปอมปาดัวร์ ปลาออกลูกเป็นตัว ฯลฯ สายพันธุ์ปลาใหม่ ๆ ต้องใช้ความหลากหลายทางพันธุกรรม
1.2  ขาดความรู้และเทคโนโลยีการผลิตเพื่อส่งออก   เกษตรกรไทยมีเทคนิคการเพาะเลี้ยงเก่ง แต่ขาดเทคโนโลยีการจัดการพ่อแม่พันธุ์ การดูแลและคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ให้มีความต้านทานโรคสูง การจัดการฟาร์มให้ถูกสุขอนามัยการเลี้ยงให้มีอัตรารอดสูง ภาครัฐต้องเข้ามาช่วยดูและแก้ไขปัญหา เช่น การป้องกันรักษาโรค เกษตรกรส่วนใหญ่จะซื้อยามารักษาเอง ซึ่งอาจไม่ถูกต้อง ดังนั้น หากเกษตรกรประสบปัญหาปลาเป็นโรคให้นำปลามาตรวจที่สถาบันวิจัยสุขภาพสัตว์น้ำ จืด กรมประมง
1.3  ขาดการรวมกลุ่ม  มักแข่งขันขายสินค้า โดยการตัดราคา สำหรับพ่อค้าสิงคโปร์มีการรวมตัวดี ไม่แข่งราคากันเอง ซึ่งคนไทยขาดเรื่องนี้มาก ทำให้คนซื้อสบายเพราะคนขายแข่งขันกันลดราคา
1.4  ประเทศผู้นำเข้าเข้มงวดด้านโรคและมาตรฐานฟาร์ม   กรมประมงจึงจำเป็นต้องดำเนินการจัดทำมาตรฐานฟาร์มและตรวจสอบออกใบรับรองต่อ ไป

2.   แนวทางแก้ไข
1.  ปรับปรุงพันธุ์และผลิตพันธุ์ปลอดโรค สนับสนุนปัจจัยพื้นฐานการผลิต
2.  พัฒนาเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเพื่อการส่งออกและส่งเสริมเทคโนโลยีการผลิต
3.  กำหนดเขตพื้นที่ส่งเสริมการผลิตพัฒนาให้เกิดการรวมกลุ่มการผลิต
4.  กำหนดมาตรฐานฟาร์มและกระบวนการผลิต จดทะเบียนฟาร์ม ควบคุมการผลิตตามมาตรฐาน


กฎหมายที่คุ้มครองและควบ คุมการค้าสัตว์น้ำ

ประพันธ์  ลีปายะคุณ  (2546 : http://www.nicaonline.com/articles/site/ view_article.asp?idarticle=104) ได้กล่าวถึง กฎหมายที่คุ้มครองและควบคุมการค้าสัตว์น้ำไว้ว่า  จากกระแสการพัฒนาของมนุษยชาติก่อให้เกิดผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ ต่างๆ บนโลก เริ่มจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรม จนกระทั่งหลังจากสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง นานาประเทศเริ่มรู้สึกตระหนักในปัญหาสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศมากขึ้น จวบจนกระทั่ง ใน ปี พ.ศ.2515 องค์การสหประชาชาติจึงได้จัดประชุมว่าด้วยเรื่องสิ่งแวดล้อมของมนุษย์ขึ้น ที่กรุงสตอร์กโฮล์ม ประเทศสวีเดน โดยมีผู้แทนของรัฐบาลจาก 113 ประเทศเข้าร่วมการประชุมและที่ประชุมได้มีการพิจารณาปัญหาสิ่งแวด ล้อมอย่างกว้างขวาง ผลจากการประชุมก่อให้เกิด โครงการสิ่งแวดล้อมของสหประชาชาติ (UNEP – United Nations Environment Programme) ขึ้นในระบบงานสหประชาชาติ เพื่อทำหน้าที่ในการปฏิบัติตามนโยบายและข้อเสนอแนะตามที่ปรากฏในประกาศหลัก การและแผนปฏิบัติการกรุงสตอร์กโฮล์ม รวมทั้งการประสานงานด้านสิ่งแวดล้อมทั้งปวงของสหประชาชาติ ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นในการก่อให้เกิดอนุสัญญาระหว่างประเทศขึ้นมาหลายฉบับ ที่มีวัตถุประสงค์ในเรื่องการคุ้มครองสภาวะแวดล้อมของโลก

1.  กำเนิดอนุสัญญาไซเตส
ประพันธ์  ลีปายะคุณ (2546 : http://www.nicaonline.com/articles/site/ view_article.asp?idarticle=104) อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดของสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ หรือที่เรารู้จักกันดีในนามของอนุสัญญาไซเตส (CITES – Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora) เป็นผลพวงจากการประชุมดังกล่าวและโดยการริเริ่มของหลายองค์กร คือ โครงการสิ่งแวดล้อมของสหประชาชาติ (UNEP – United Nations Environment Programme)  สหภาพระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (IUCN – International Union for the Conservation of Nature and Natural Resources)  กองทุนสัตว์ป่าโลก (WWF – World Wide Fund for Nature)  สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA – International Air Transportation Association)
จุดมุ่งหมายของอนุสัญญาไซเตส เพื่อคุ้มครองพันธุ์สัตว์ป่า(รวมสัตว์น้ำ)และพืชป่าที่หายากหรือชนิดที่อยู่ ในภาวะถูกคุกคามมิให้มีการสูญพันธุ์ไป อันเนื่องมาจากการค้าระหว่างประเทศ โดยได้มีการกำหนดมาตรการและเงื่อนไขในการควบคุมการค้าสัตว์และพืชดังกล่าว ไว้ ซึ่งองค์การตำรวจสากลได้ประเมินการลักลอบค้าสัตว์ป่าและพืชป่าผิดกฎหมาย ระหว่างประเทศในปี2544 ว่ามีมูลค่าเป็นลำดับที่สอง รองจากการค้ายาเสพติด สำหรับประเทศไทยได้เป็นสมาชิกร่วมลงนามในอนุสัญญาดังกล่าวเมื่อปี พ.ศ.2518 และให้สัตยาบันเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2526  อนุสัญญาไซเตสได้สร้างเครือข่าย ซึ่งประกอบด้วยประเทศต่างๆที่เป็นสมาชิกทั่วโลกซึ่งปัจจุบันมีประเทศภาคี จำนวน 157 ประเทศ เพื่อควบคุมการค้าสัตว์ป่าระหว่างประเทศภายใต้เงื่อนไขที่ประเทศสมาชิกกำหนด ขึ้น โดยแบ่งความเข้มงวดในการค้าสัตว์ป่าระหว่างประเทศออกเป็น 3 ระดับ ตามหลักการดังนี้
ชนิดพันธุ์ในบัญชีหมายเลข 1 (Appendix I) เป็นชนิดพันธุ์ของสัตว์ป่าและพืชป่าที่ห้ามค้าโดยเด็ดขาด เนื่องจากใกล้จะสูญพันธุ์ ยกเว้นเพื่อการศึกษา วิจัย หรือเพาะพันธุ์ ซึ่งก็ต้องได้รับความยินยอมจากประเทศที่จะนำเข้าเสียก่อน ประเทศส่งออกจึงจะออกใบอนุญาตส่งออกได้ ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงความอยู่รอดของชนิดพันธุ์นั้นๆ ด้วย
ชนิดพันธุ์ในบัญชีหมายเลข 2 (Appendix II) เป็นชนิดพันธุ์ของสัตว์ป่าและพืชป่าที่ยังไม่ถึงกับใกล้จะสูญพันธุ์จึงยัง อนุญาตให้ค้าได้ แต่ต้องมีการควบคุมไม่ให้เกิดความเสียหาย หรือลดปริมาณลงอย่างรวดเร็วจนถึงจุดใกล้จะสูญพันธุ์โดยประเทศที่จะส่งออก ต้องออกหนังสืออนุญาตให้ส่งออกและรับรองว่าการส่งออกแต่ละครั้ง จะไม่กระทบกระเทือนต่อการดำรงอยู่ของชนิดพันธุ์นั้นๆ ในธรรมชาติ
ชนิดพันธุ์ในบัญชีหมายเลข 3 (Appendix III) เป็นชนิดพันธุ์ที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายของประเทศใดประเทศหนึ่งแล้วขอ ความร่วมมือประเทศภาคีสมาชิกให้ช่วยดูแลการนำเข้า คือจะต้องมีหนังสือรับรองการส่งออกจากประเทศถิ่นกำเนิด
ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้นำเข้า ส่งออก หรือนำผ่าน ต้องแสดงใบอนุญาตนำเข้า (Import Permit) ใบอนุญาตส่งออก (Export Permit) หรือใบอนุญาตนำผ่าน (Transit Permit) ให้เจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจสอบทุกครั้ง
“อนุสัญญาไซเต สไม่ได้มีผลควบคุมการค้าภายในประเทศสำหรับชนิดพันธุ์ใดๆ ที่เป็นของท้องถิ่น”

2.  พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535
ประพันธ์  ลีปายะคุณ (2546 : http://www.nicaonline.com/articles/site/ view_article.asp?idarticle=104) ได้เรียบเรียงไว้ว่า พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 เป็นกฎหมายหลักในการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์ป่าหายากใกล้จะสูญพันธุ์ของไทย รวมทั้งสัตว์ป่าของต่างประเทศด้วย ซึ่งกฎหมายดังกล่าวครอบคลุมถึงสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใกล้จะสูญ พันธุ์ด้วย โดยกรมประมงทำหน้าที่ในการดูแลในส่วนที่เป็นสัตว์น้ำ ส่วนกรมป่าไม้ดูแลในส่วนที่เป็นสัตว์ป่า ดังนั้น ในการกล่าวถึงสัตว์ป่าตามกฎหมายนี้จะหมายความรวมถึงสัตว์น้ำด้วย ต่อมาในปี2545 ได้มีการปฏิรูประบบราชการมีผลทำให้งานเกี่ยวกับการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ในส่วนที่กรมป่าไม้ดูแลไปอยู่กับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช
เหตุผลที่ประกาศใช้
1. เพื่อสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าให้มีประสิทธิภาพ
2. เพื่อเร่งรัดการขยายพันธุ์สัตว์ป่าควบคู่ไปกับการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า
3. เพื่อความร่วมมือตามความตกลงระหว่างประเทศในการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าเป็น ไปอย่างเหมาะสม
ชนิดปลาที่ได้รับการคุ้มครองจากอนุสัญญาไซเตส  ได้ถูกควบคุมในการนำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านระหว่างประเทศ ผู้ที่สามารถจะทำได้ต้องได้รับใบอนุญาตทั้งจากประเทศต้นทางและประเทศปลายทาง ซึ่งปลาบางชนิดเป็นปลาที่อยู่ในบัญชี 1 ซึ่งถูกเข้มงวดมาก ดังเช่น ปลาบึกและปลายี่สก ซึ่งเป็นปลาที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย กรมประมงไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ส่งจำหน่ายไปยังต่างประเทศได้ แต่ถ้าหากมีฟาร์มที่สามารถเพาะพันธุ์ปลาดังกล่าวในเชิงธุรกิจได้ และได้ดำเนินกระบวนการรับรองฟาร์มจากกรมประมงและอนุสัญญาไซเตส ชื่อของฟาร์มเพาะพันธุ์ดังกล่าวก็จะได้รับการเผยแพร่ไปยังประเทศสมาชิก 157 ประเทศ โดยฟาร์มดังกล่าวก็จะสามารถส่งปลาบึกหรือปลายี่สกออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ ได้ ดังเช่น ฟาร์มเพาะพันธุ์ปลาตะพัดในประเทศอินโดนีเซียจำนวน 16 ฟาร์ม ในประเทศมาเลเซีย จำนวน 5 ฟาร์ม และในประเทศสิงคโปร์ จำนวน 5 ฟาร์ม ที่มีมูลค่าการส่งปลาตะพัดจำหน่ายไปยังประเทศต่างๆทั่วโลกปีละหลายพันล้าน บาท สร้างรายได้เข้าสู่ประเทศของตนเองมาหลายปีแล้ว ในขณะที่ฟาร์มเพาะพันธุ์ปลาตะพัดของประเทศไทยยังไม่มีฟาร์มใดที่ผ่านการ รับรองจากอนุสัญญาฯเลย แม้แต่ฟาร์มเดียว อาจจะเป็นเพราะว่าเราเพิ่งจะเริ่มมีการจดทะเบียนฟาร์มเพาะพันธุ์กันเมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา ทำให้เทคนิคด้านการเพาะพันธุ์ยังไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร แต่เชื่อได้เลยว่าอีกไม่นานเกินรอ ผลสำเร็จคงจะมาถึง

———————————————————————————————————————-
ทรงศักดิ์ วงศ์กาฬสินธุ์  (2551) “ปัญหาในการผลิตปลาสวยงาม และกฎหมายที่คุ้มครองและ
ควบคุมการค้าสัตว์น้ำ”  เรื่อง การผลิตและการตลาดปลาสวยงาม ของเกษตรกร
ผู้ทำการค้าใน เขตจตุจักร วิทยานิพนธ์ ปริญญาเกษตรศาสตรมหาบัณฑิต แขนงวิขา
ส่งเสริมการเกษตร สาขาวิชาส่งเสริมการเกษตรและสหกรณ์
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

Comments are closed.